เมื่อเดือนที่แล้วมีวันแมวโลก เดือนนี้ก็มีวันของแมวเช่นกัน ไม่ใช่เป็นแค่แมวธรรมดา แต่เป็นหุ่นยนต์แมวสีฟ้าที่โลดแล่นครองใจคนมากกว่า 53 ปี ใช่แล้ว! วันที่ 3 กันยายนนี้ เป็นวันเกิดโดเรม่อน นั่นเอง

โดเรม่อน เป็นหุ่นยนต์แมวพี่เลี้ยง มาจากโลกอนาคตที่ย้อนเวลากลับมาช่วยเหลือ โนบิตะ เด็กประถมผู้ไม่เอาถ่าน ปู่ทวดของเซวาชิ ผู้เป็นเจ้าของโดเรม่อน ด้วยของวิเศษจากกระเป๋า 4 มิติ

ด้วยคาแรคเตอร์น่ารัก พึ่งพาได้ และคอยสนับสนุนอยู่เคียงข้างเพื่อนเสมอ ทำให้เนื้อเรื่องธรรมดาที่ไม่ธรรมดาของ ฟุจิโกะ ฟุจิโอะ ได้ครองบัลลังก์ขวัญใจเด็กๆ ในหลายประเทศ และโลดแล่นในความทรงจำของผู้คนอย่างยาวนาน การันตีจากนิตยสารไทม์เอเชียที่เลือกโดเรม่อนให้เป็น 1 ในวีรบุรุษของทวีปเอเชีย และโดเรม่อนยังได้รับการเลือกให้เป็นทูตสันถวไมตรี เพื่อการประชาสัมพันธ์วัฒนธรรมของประเทศญี่ปุ่น

ไม่ว่าจะผ่านมากี่ยุคกี่สมัย ตั้งแต่เปิดตัวโดเรม่อนในปี 1969 มีคาแรคเคอร์เกิดขึ้นใหม่มากมายขนาดไหน โดเรม่อนก็ยังคงเป็นแบรนด์ที่ได้รับความนิยมจากคนทั่วโลกตลอดกาล และเป็นแบรนด์ที่ทำเงินได้มากกว่าแสนล้านบาทต่อปีทั่วโลก

ความลับความสำเร็จของแบรนด์โดเรม่อนคือ เรื่องราวแนว Coming of Age ที่เล่าเรื่องเกี่ยวกับปัญหาต่างๆ ที่เคยพบเจอในวัยเด็ก เห็นการแก้ไขปัญหาผ่านตัวละครที่ไม่สมบูรณ์แบบ ซึ่งนอกจากจะทำให้ผู้ชมได้รับข้อคิดดีๆ ที่สอดแทรกมาในเนื้อเรื่องแต่ละตอนแล้ว ยังสะท้อนให้เห็นถึงความทรงจำและความฝันในวัยเด็กเป็นอย่างดี จึงเข้าถึงผู้คนได้ง่าย ผ่านอารมณ์และความรู้สึกที่พวกเขามีร่วมกับตัวละคร

อีกทั้งยังเป็นการ์ตูนที่ช่วยสร้างจินตนาการและแรงบันดาลใจในหลายๆ ด้าน โดยเฉพาะของวิเศษบางอย่างในเรื่องซึ่งได้เกิดขึ้นจริงในปัจจุบัน เช่น เครื่องพิมพ์ 3 มิติที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในเหล่าดีไซเนอร์ นักประดิษฐ์และคนที่ชื่นชอบโมเดล กล่องของชอบที่ในโดเรม่อนใช้เป็นทีวีหรือเครื่องเล่นแผ่นเสียง ซึ่งปัจจุบันรู้จักในชื่อของแท็บแล็ต หรือแว่นสร้างภาพหลอนที่ใส่แล้วจะเหมือนไปอยู่อีกโลกหนึ่ง ซึ่งก็คือแว่น VR หรือเทคโนโลยี AR (Augmented Reality) ในปัจจุบันนั่นเอง

นอกจากแบรนด์จะได้รับแรงบันดาลจากโดเรม่อนจนสามารถสร้างสิ่งประดิษฐ์ต่างๆ ได้แล้ว ยังมีแบรนด์ที่มาร่วมคอลแลบกับโดเรม่อนมากมาย เพื่อเพิ่มการรับรู้ของแบรนด์ในกลุ่มเป้าหมายใหม่ๆ และกระตุ้นยอดขาย ให้มีกำไรเพิ่มสูงขึ้น เช่น แบรนด์แฟชั่นระดับโลกอย่าง Gucci แบรนด์สุดหรูจากปารีสอย่าง Paul & Joe หรือแบรนด์ที่เข้าถึงผู้คนทุกวัยอย่าง Uniqlo เป็นต้น

อีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้แบรนด์โดเรม่อนประสบความสำเร็จก็คือ การใช้กลยุทธ์แบบ Storytelling Marketing ในการต่อยอดเล่าเรื่อง เพื่อดึงดูดและสร้างความประทับใจในกลุ่มเป้าหมาย

Storytelling Marketing เป็นกลยุทธ์การตลาดแบบดึงดูด (Inbound Marketing) ใช้ในการเล่าเรื่องราวของแบรนด์ สินค้า และบริการให้มีที่มาที่ไป และสื่ออารมณ์แบบ Emotional ผ่านคอนเทนต์ที่สร้างสรรค์ ให้กับกลุ่มเป้าหมายได้คล้ายตามและอินไปกับแบรนด์ ซึ่งช่วยสร้างความประทับใจและการจดจำที่ดีต่อแบรนด์ได้เป็นอย่างดี

โดเรม่อนจึงมีการเล่าเรื่องที่ผูกพันกับตัวเลข 129.3 ที่เป็นเลขประจำตัวที่ซ่อนอยู่ในตัวโดเรม่อน ทั้งน้ำหนัก ส่วนสูง พละกำลัง แรงกระโดด สัดส่วน ซึ่งจะเกี่ยวกับเลข 129.3 ทั้งหมด

อีกทั้งยังมีการเพิ่มเรื่องราวเกี่ยวกับมิตรภาพ และความแฟนตาซีชวนฝันเข้าไปอีก จนทำให้สามารถเข้าไปในใจของทุกคนได้ง่ายดาย ซึ่งตรงกับหลักการของกลยุทธ์ Storytelling Marketing ที่แตกต่างจากการตลาดทั่วไป

ด้วยเหตุนี้จึงทำให้รู้ว่า ยิ่งแบรนด์สามารถเข้าใจกลุ่มเป้าหมายมากเท่าไหร่ การสร้างภาพจำในสิ่งที่อยากให้รู้จักแบรนด์ผ่านกลยุทธ์ Storytelling Marketing ก็ยิ่งสร้างคอนเทนต์ให้กินใจง่ายมากขึ้นเท่านั้น

“ผู้คนมักตัดสินใจซื้อด้วยอารมณ์” นักการตลาดหลายรายได้กล่าวคำๆ นี้เอาไว้  ซึ่งหลายต่อหลายครั้งก็ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าเป็นเช่นนี้จริงๆ โดยเฉพาะในปัจจุบันที่ข้อมูลค้นหาได้ง่ายมากขึ้น จนเพิ่มตัวเลือกให้ผู้ซื้อมากมายมหาศาล การโฆษณาแบบให้ข้อมูลสินค้าหรือบริการแบบเดิมเพียงอย่างเดียว จึงอาจไม่เพียงพอที่จะทำให้กลุ่มเป้าหมายหันมาสนใจและซื้อจากแบรนด์เราได้ เราเลยต้องใช้กลยุทธ์ที่ช่วยกระตุ้นอารมณ์ความรู้สึกให้กลุ่มเป้าหมายรู้สึกอยากซื้อมากยิ่งขึ้น

Storytelling Marketing จึงถูกนำมาใช้ในการให้ข้อมูลรายละเอียดสินค้าหรือบริการของแบรนด์ เพื่อสร้างคอนเทนต์ที่สามารถสร้างอารมณ์ร่วม ทำให้แบรนด์เราโดดเด่นออกมาจากคู่แข่งหลายรายในตลาด จนกลายเป็นตัวเลือกหนึ่งเดียวในใจของกลุ่มเป้าหมาย

ยิ่งไปกว่านั้นการใช้ Storytelling Marketing ยังทำให้เกิดการบอกต่อกันในกลุ่มเป้าหมาย และสร้างความรู้สึกผูกพันกับแบรนด์อย่างไม่รู้ตัว แต่การจะทำให้กลยุทธ์นี้มีประสิทธิภาพสูงสุด แบรนด์ควรจะสร้างเรื่องราวให้กลุ่มเป้าหมายรู้สึกเหมือนได้เดินทางผจญภัยไปพร้อมกับเรื่องราวนั้นๆ และเลือกแพลตฟอร์มที่เหมาะสมกับพฤติกรรมของกลุ่มเป้าหมาย และหลีกเลี่ยงการยัดเยียดสินค้าที่ต้องการขาย หรือนำเสนอในเรื่องที่กลุ่มเป้าหมายไม่สนใจมากเกินไป เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดในการทำการตลาดในยุคปัจจุบัน

ความอมตะที่ยั่งยืนในทุกยุคทุกสมัยของโดเรม่อน ตรงกับปรัชญาธุรกิจญี่ปุ่น “ริเน็น (Rinen)” ซึ่งช่วยสร้างธุรกิจให้ยั่งยืน

เพราะหลักการของปรัชญาการบริหารธุรกิจ” ริเน็น” คือ การยึดมั่นในจุดยืน รู้เป้าหมายของแบรนด์ว่าทำเพื่ออะไร และสามารถสร้างประโยชน์เพื่อสังคมได้อย่างไร ธุรกิจที่ยึดปรัชญานี้จึงเน้นแสวงหาความสุขมากกว่าผลประโยชน์ โดยแบ่งออกเป็น 5 ประเภท คือ ให้ความสุขแก่พนักงาน แก่คู่ค้าพาร์ตเนอร์ แก่ลูกค้า แก่สังคม และแก่เจ้าของและผู้ถือหุ้น

จะเห็นได้ชัดว่า ปรัชญาริเน็นจะตรงกันข้ามกับหลักการบริหารธุรกิจทั่วไปที่มักเน้นเจ้าของและผู้ถือหุ้นมาเป็นอันดับแรกๆ เนื่องจากเชื่อว่า หากดูแลพนักงานให้เหมือนคนในครอบครัว พนักงานก็จะดูแลลูกค้าด้วยใจ หากมีสัมพันธ์ที่ดีกับคู่ค้าพาร์ตเนอร์ แบรนด์ก็จะได้เพื่อนคู่คิด และหากแบรนด์ทำสิ่งดีๆ คืนสู่สังคม ก็จะเข้าไปอยู่ในใจของคนหมู่มากเป็นอันดับหนึ่งที่พวกเขาจะนึกถึง

ความสำเร็จของการใช้ปรัชญานี้ พิสูจน์ได้จาก บริษัทในประเทศญี่ปุ่นมากกว่า 56% ที่นำปรัชญานี้มาปรับใช้มีอายุเกินร้อยปี สิ่งนี้ถือเป็นข้อพิสูจน์ว่า ปรัญชาริเน็น สามารถช่วยสร้างความยั่งยืนให้กับธุรกิจได้เป็นอย่างดี

ดังนั้น ถ้าแบรนด์ของคุณอยากทำธุรกิจด้วยหัวใจ ปรัชญาริเน็นก็คือกุญแจที่จะพาแบรนด์คุณเข้าไปอยู่ในใจของทุกคน

หากใครที่สนใจทำการตลาดแบบนี้ แต่ต้องการข้อมูลเพิ่มเติม สามารถ ติดต่อสอบถาม HelloAds เอเจนซีการตลาดออนไลน์แบบครบวงจรกันได้เลย