4 platforms

4 แพลตฟอร์มสุดดังกับโฆษณาการตลาดออนไลน์ที่ต้องรู้ในปี 2023

เริ่มต้นปีใหม่กันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว นักการตลาดพร้อมกันหรือยัง สำหรับการเตรียมตัวสร้างโฆษณาออนไลน์เจ๋งๆ ในปีนี้ ซึ่งแต่ละแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียจะมีวัตถุประสงค์ และเป้าหมายของเหล่าครีเอเตอร์ รวมถึงแบรนด์ที่แตกต่างกันออกไป 

ด้วยความหลากหลายนี้เอง ทำให้นักการตลาดควรรู้จักกับเครื่องมือดีๆ ที่ช่วยวัดผล นั่นก็คือ ROI นั่นเอง ซึ่งสิ่งนี้จะช่วยให้เราตัดสินใจได้เป็นอย่างดีว่าควรลงทุนในแพลตฟอร์มนั้นหรือไม่

 

มาทำความรู้จักกับ Return on Investment หรือ ROI

หลายคนน่าจะรู้จักคำๆ นี้เป็นอย่างดี เพราะ ROI คือ ผลตอบแทนจากการลงทุน โดยสิ่งนี้ใช้เป็นเครื่องมือสำหรับการวางแผน เพื่อเลือกลงทุนในสิ่งต่างๆ ซึ่งจะพิจารณาว่าการลงทุนนั้นคุ้มค่าที่จะลงทุนหรือไม่ และดูว่าเราจะทำกำไรจากการลงทุนดังกล่าวได้รวดเร็วเพียงใด 

หรือในความหมายอีกอย่างหนึ่งก็คือ การวัดค่าจะช่วยในการเปรียบเทียบผลกำไรหรือขาดทุนกับมูลค่าตั้งต้นของสินทรัพย์ที่เราลงทุน เช่น ร้านค้าแห่งหนึ่งขายเครื่องสำอางได้ในราคา 1,500 บาทต่อกระปุก ส่วนกำไรอยู่ที่ 1,000 บาทต่อกระปุก และใช้งบการตลาด 100 บาท เราจะสามารถคิด ROI ได้ดังนี้ 

ผลตอบแทนจากการลงทุน (ROI) = [(1000 – 100)/100] x 100 = 900%  

ความหมายจากตัวอย่างนี้ก็คือ ทุกๆ เงินที่จ่ายไป 1 บาท ร้านค้าแห่งนี้จะสามารถทำกำไรได้ 9 บาทนั่นเอง

ดังนั้น หากเราเข้าใจ ROI นี้ก็จะช่วยให้นักการตลาดตัดสินใจลงทุนในแพลตฟอร์มต่างๆ ได้ดีมากยิ่งขึ้นนั่นเอง 

 

มาทำความเข้าใจกับ 4 แพลตฟอร์มน่าสนใจในการลงทุนโฆษณาออนไลน์

จากสถิติของ The HubSpot Blog’s 2023 Marketing Strategy & Trends Report ที่รวบรวมข้อมูลมาจากนักการตลาดทั่วโลกกว่า 1,200 คน จะเห็นได้ว่า Facebook เป็นแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียที่ใช้ในการโฆษณาสินค้าและบริการมากที่สุดถึง 64% ตามมาด้วย Instagram 58% และ TikTok 42% 

นั่นหมายความว่า Facebook เป็นช่องทางที่นักการตลาดวางแผนจะลงทุนมากที่สุดในปีหน้า ซึ่งสูงกว่าช่องทางอื่นๆ นั่นเอง 

อย่างไรก็ตาม แต่ละแพลตฟอร์มจะมีจุดเด่นของการโฆษณาแตกต่างกัน มาดูกันดีกว่าว่าการโฆษณาออนไลน์ในปีหน้า ควรปรับเปลื่ยนอะไรบ้าง เพื่อให้เข้ากับแบรนด์ของเรา

  • Facebook: มีสถิติการเข้าถึงคนไทยที่ใช้อินเทอร์เน็ตถึง 93.3% แม้ว่าในปัจจุบันเด็กรุ่นใหม่ที่อายุต่ำกว่า 20 อาจจะไม่ค่อยได้ใช้แพลตฟอร์มนี้แล้ว แต่เนื่องจากเป็นแพลตฟอร์มที่มีมานาน จึงมีกลุ่มคนที่อายุ 25-34 ปี และผู้สูงอายุใช้งานค่อนข้างเยอะ สิ่งนี้จึงทำให้แพลตฟอร์มนี้ได้รับความนิยมไปทั่วประเทศ รวมถึงมีการยิงแอดเพื่อกระตุ้นการเข้าถึงอีกด้วย ส่วนลักษณะคอนเทนต์ที่แนะนำ คือ การเขียนคอนเทนต์ให้ความรู้ การทำคอนเทนต์ในรูปแบบ Album post การเขียนคอนเทนต์แบบคำถามชวนให้คอมเมนต์ การเขียนคอนเทนต์ให้สม่ำเสมอ รวมไปถึงการ Live นั่นเอง 
  • TikTok: มีสถิติการเข้าถึงคนไทยที่ใช้อินเทอร์เน็ต 79.6% และยังสามารถเรียกได้ว่าเป็นแพลตฟอร์มที่มาแรงแห่งปี โดยมีกลุ่มผู้ใช้หลักเป็นกลุ่ม Gen Z ซึ่งมีพฤติกรรมการใช้งานที่น่าสนใจ นั่นก็คือ เป็นแพลตฟอร์มที่มีความ Active สูง โดยมี 90% ของผู้ใช้เปิดแอปหลายครั้งต่อวัน สิ่งนี้จึงเหมาะกับการทำตลาดออนไลน์อย่าง Influencer อีกด้วย ส่วนลักษณะคอนเทนต์ที่แนะนำ คือ วิดีโอ การใช้เพลงที่กำลังนิยมหรือเพลงฮิต TikTok การทำ Challenge ต่างๆ เพิ่มการใช้ Hashtag ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะทำให้คนดูอยากมีส่วนร่วม เพื่อผ่อนคลายความเครียดนั่นเอง
  • Instagram: มีสถิติการเข้าถึงคนไทยที่ใช้อินเทอร์เน็ต 68.7% ซึ่งกลุ่มผู้ใช้หลักอยู่ในช่วงอายุ 18-34 ปี แพลตฟอร์มนี้เหมาะกับการทำตลาดด้วยกลยุทธ์ E-Commerce โดยเน้น Organic Engagement และอาจใช้ Influencer ช่วยกระตุ้นยอดได้เป็นอย่างดี ส่วนลักษณะคอนเทนต์ที่แนะนำ คือ รูปภาพ ข้อความ และวีดิโอที่เน้นการสร้างแรงบันดาลใจ และเปิดประสบการณ์ใหม่ๆ หรือการใช้ IG Story ทำ Poll หรือ Questionnaire เพื่อสร้าง Engagement ให้สูงขึ้น
  • Line: มีสถิติการเข้าถึงคนไทยที่ใช้อินเทอร์เน็ต 92.8% และหากพูดถึงแพลตฟอร์ม Instant Messenger ในประเทศไทยก็ยังคงต้องยกให้ Line เป็นอันดับหนึ่ง ด้วยจำนวนผู้ใช้ที่สูง และถูกนำไปใช้ในหลายจุดประสงค์ ตั้งแต่การใช้ติดต่อสื่อสารกับเพื่อน ครอบครัว โรงเรียน และทำงาน จึงทำให้เป็นแพลตฟอร์มที่อยู่กับคนไทยตลอด ส่งผลให้กลุ่มผู้ใช้งานค่อนข้างครอบคลุมทุกช่วงอายุ โดยเฉพาะกลุ่มอายุ 25-44 ปี สิ่งนี้เหมาะกับการทำการตลาดในลักษณะเป็นพื้นที่สะสมแต้ม สื่อสารอัปเดตข้อมูล บอกต่อโปรโมชัน และเก็บลูกค้าไว้เป็นฐานข้อมูล ส่วนลักษณะคอนเทนต์ที่แนะนำ คือ การส่งข้อความโปรโมชันต่างๆ หรือคูปองส่วนลดราคาพิเศษ 

ดังนั้น การทำโฆษณาที่ดีนั้น จะต้องมีการวางแผนและพิจารณาผลลัพทธ์ว่าคุ้มต่อการลงทุนหรือไม่ เพื่อจะได้ช่วยกระตุ้นทั้งยอดขาย และสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับแบรนด์นั่นเอง

จึงสามารถกล่าวได้ว่า การทำโฆษณาไม่ว่าจะรูปแบบใด เจ้าของธุรกิจและนักการตลาดจำเป็นต้องใส่ใจรายละเอียด คิดวางแผนอย่างสร้างสรรค์ ด้วยถ้อยคำที่มีประสิทธิภาพ เพื่อให้สื่อสารไปยังกลุ่มเป้าหมายได้อย่างตรงประเด็น แม้อยู่ภายใต้เงื่อนไขข้อจำกัดที่มีในแต่ละแพลตฟอร์ม จึงจะสามารถสร้างอารมณ์ การมีส่วนร่วมและกระตุ้นให้เกิดเหตุผลในการตัดสินใจซื้อในตอนท้าย

หากมีใครสนใจทำโฆษณาออนไลน์บนแพลตฟอร์มต่างๆ แต่ยังไม่รู้จะเริ่มตรงไหน สามารถติดต่อหรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมกับ HelloAds ผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาดออนไลน์ได้เลย

ติดต่อขอคำปรึกษาฟรี! ให้เราช่วยธุรกิจของคุณ ให้ลูกค้ารู้จักคุณ

เพิ่มยอดขาย ก้าวสู่การตลาดในโลกออนไลน์ เพราะเรามั่นใจ ว่าเราจะช่วยให้ธุรกิจคุณ เติบโตบนโลกดิจิตอลได้อย่างแท้จริง

Share this post

บทความที่เกี่ยวข้อง