เจาะลึก! พฤติกรรมของเหล่าทาสสายเปย์ที่ทำให้ตลาดสัตว์เลี้ยงเติบโตอย่างหยุดไม่อยู่
เคยได้ยินคำนี้กันหรือไม่ ‘Love Me Love My Dog’ คำนี้สามารถใช้อธิบายพฤติกรรมของผู้บริโภคกลุ่มคนรักสุนัขได้เป็นอย่างดี และเหมาะกับวันที่ 26 สิงหาคม ซึ่งเป็นวันสุนัขโลกเป็นอย่างยิ่ง
วันสุนัขโลกเกิดขึ้นครั้งแรกในปี 2004 โดย Colleen Paige ผู้เชี่ยวชาญด้านสัตว์เลี้ยงและครอบครัว ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความตระหนักเกี่ยวกับสุนัขที่ถูกทอดทิ้งในแต่ละปี และเพิ่มโอกาสให้สุนัขทุกตัวมีชีวิตที่ปลอดภัย มีความสุข ปราศจากการทารุณกรรม
ในประเทศไทย สุนัขถือเป็นสัตว์เลี้ยงที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับต้นๆ เนื่องจากหลายคนมองว่าเป็นตัวแทนของความซื่อสัตย์ และสามารถเป็นเพื่อนเล่นคลายเหงาได้ บวกกับปรากฏการณ์ Pet Humanization ซึ่งทำให้การเติบโตของตลาดสุนัขเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด แม้จะอยู่ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ก็ตาม
ปรากฏการณ์ Pet Humanization คืออะไร? ทำไมผลักดันตลาดสัตว์เลี้ยงให้เติบโตได้อย่างมหาศาล
ด้วยวิถีชีวิตที่เปลี่ยนไปในสังคม คนจึงหันมาเลี้ยงสัตว์กันมากขึ้น โดยเฉพาะสุนัข และมีการปฏิบัติต่อพวกเขาเสมือนเป็นสมาชิกในครอบครัว ไม่ใช่แค่สัตว์เลี้ยง
ด้วยเหตุผลนี้จึงทำให้เกิดปรากฏการณ์ Pet Humanization ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่เจ้าของสัตว์เลี้ยงไม่ได้มองตัวเองเป็นเจ้าของ แต่เป็นพ่อหรือแม่ของสัตว์เลี้ยง ซึ่งดูแลเอาใจใส่เหมือนลูกคนหนึ่งและพร้อมทุ่มเท ทั้งเงิน และเวลาในการเลี้ยงดูจนแทบไม่ต่างอะไรจากมนุษย์คนหนึ่ง
ทาง Morgan Stanley บริษัทให้บริการทางการเงินและการจัดการการลงทุนของอเมริกา จึงนิยามพฤติกรรมนี้ว่า Petriarchy หรือที่รู้จักกันดีในนามของ ‘ทาสหมา’ ยิ่งไปกว่านั้น คือ ความรักความหลงของทาสหมาเหล่านี้ยังนำไปสู่การใช้จ่ายเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงที่เพิ่มมากขึ้น
มารู้จักกับ 4 ปัจจัยที่ผลักดัน Pet Humanization ให้เติบโตขึ้นเถอะ
กระแสเทรนด์ Pet Humanization ได้กลายเป็นที่นิยมอย่างไม่มีวันสิ้นสุด โดยมี 4 ปัจจัยหลักสนับสนุนปรากฏการณ์นี้ ดังนี้
- คนโสดมากขึ้น : ในปัจจุบัน หลายประเทศทั่วโลกมีแนวโน้มแต่งงานช้าลง และเป็นโสดมากขึ้น
- คู่รักไม่มีบุตรเพิ่มขึ้น : คนรุ่นใหม่มีแนวโน้มชะลอการมีบุตรออกไปก่อน หรือตัดสินใจไม่มีบุตรเลย ด้วยหลากหลายเหตุผล เช่น สภาพสังคมและเศรษฐกิจในปัจจุบัน หรือปัจจัยด้านสุขภาพ
- สัตว์เลี้ยงช่วยคลายเหงาให้กับผู้สูงอายุ : เนื่องจากสังคมไทยในปัจจุบันได้เริ่มเข้าสู่สังคมสูงอายุแล้ว โดยมีสัดส่วนผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไปมากกว่า 23% ในปี 2022
- ผลกระทบจากโควิด-19 ทำให้ผู้คนใช้ชีวิตอยู่ที่บ้านกันมากขึ้น : การแพร่ระบาดครั้งใหญ่ ทำให้วิถีชีวิตของผู้คนเปลี่ยนไป ใช้ชีวิตอยู่ในบ้านมากขึ้น จนบ้านกลายเป็นสถานที่ที่สามารถทำได้ทุกสิ่งทุกอย่าง
เพื่อคลายความเบื่อและความเครียด การเลี้ยงสุนัขเป็นเพื่อนและลูกช่วยคลายความเหงาจึงเป็นที่นิยมอย่างมาก
ด้วยอุปสงค์ที่เติบโตขึ้นจาก 4 ปัจจัยข้างต้น ทำให้อุปทานมีมากขึ้นเช่นกัน ปัจจุบันจึงมีสินค้าและบริการเกี่ยวกับสุนัขมากมาย ตั้งแต่อาหารสุนัขแต่ละสายพันธุ์ และบริการด้านสุขภาพต่างๆ อุปกรณ์การดูแล ของเล่น คลินิกหรือโรงพยาบาล โรงแรมสัตว์เลี้ยง รวมไปถึงสตาร์ทอัพหลายรายได้พัฒนาแพลตฟอร์มดูแลสุนัขแบบ On-Demand ในหลายบริการ อีกทั้งช่องทางการจำหน่ายที่หลากหลาย ทำให้ผู้คนเข้าถึงสินค้าได้ง่ายขึ้น ตลาดสัตว์เลี้ยงจึงเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว
เหตุนี้เอง Pet Humanization กลายเป็นเหตุผลหลักที่ทำให้ตลาดสัตว์เลี้ยงเฟื่องฟู โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับสุนัข เพราะจำนวนสุนัขในประเทศไทยมีมากกว่า 8.9 ล้านตัว นับเป็นกว่า 62% ของจำนวนสัตว์เลี้ยงทั้งหมดในประเทศไทย
รู้หรือไม่? ตลาดสัตว์เลี้ยงเป็นหนึ่งในธุรกิจที่เติบโตสวนกระแสเศรษฐกิจ
มีการคาดการณ์ว่า ธุรกิจเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงทั่วโลกในปี 2026 จะมีมูลค่าถึง 6.9 ล้านล้านบาท โดยในประเทศไทยจะมีมูลค่าประมาณ 4 หมื่นล้านบาท ซึ่งหมายความว่าจะมีการเติบโตโดยเฉลี่ย 10% ทุกปี และเจ้าของสัตว์เลี้ยงจะมียอดใช้จ่ายเฉลี่ยมากกว่า 15,000 บาทต่อปี
หลายธุรกิจที่เล็งเห็นถึงโอกาสในการเพิ่มยอดขายในตลาดสัตว์เลี้ยง จึงเพิ่มสินค้าและบริการต่างๆ เกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงมากขึ้น เช่น Grab ที่เพิ่มบริการ Grab Pet บริการการเดินทางสำหรับคนที่มีสัตว์เลี้ยงโดยเฉพาะ หรือ Nok Air ที่เปิดเที่ยวบินพิเศษ ‘เที่ยวบินนี้พาน้องเที่ยว’ โดยอนุญาตให้สัตว์เลี้ยงนั่งโดยสารไปพร้อมกับเจ้าของบนเที่ยวบินได้ด้วย เป็นต้น
นอกจากนี้ ตลาดส่งออกเกี่ยวกับสินค้าสัตว์เลี้ยงก็ได้รับความสนใจไม่แพ้กัน เพราะประเทศไทยถือว่าเป็นเป็นผู้ส่งออกอาหารสัตว์เลี้ยงอันดับ 4 ของโลก โดยส่งออกอาหารสัตว์เลี้ยงเฉลี่ยมากถึง 5.35 แสนตัน มูลค่ากว่า 4.47 หมื่นล้านบาท
แม้ในช่วงวิกฤติที่ผ่านมา หลายธุรกิจจะประสบปัญหาจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 หรือภาวะเงินเฟ้อมากมาย แต่ตลาดสัตว์เลี้ยงเหล่าเป็นหนึ่งในประเภทธุรกิจที่ยังคงเติบโตและมีการขยายตัวอย่างรวดเร็ว เนื่องจากเหล่าเจ้าของให้ความสำคัญถึงขั้นยอมประหยัดค่าใช้จ่ายส่วนตัว เพื่อซื้อสินค้าและบริการต่างๆ ให้บรรดาสัตว์เลี้ยงแทนนั่นเอง
ยิ่งเหล่าเจ้าของมีความผูกพันกับสัตว์เลี้ยงมากเท่าไหร่ ตลาดสัตว์เลี้ยงยิ่งขยายตัว
จากการศึกษาของ Goldsmiths University ประเทศอังกฤษ พบว่า สุนัขสามารถสัมผัสถึงอารมณ์เศร้าของเจ้าของได้ และมีวิธีปลอบใจให้คลายความเศร้าด้วยการเข้ามาคลอเคลีย เข้ามาเลียเพื่อให้ความอบอุ่น จนทำให้เกิดความรักความผูกพันของเจ้าของและสัตว์เลี้ยงเสมือนเป็นสมาชิกในครอบครัวหรือญาติพี่น้องแท้ๆ ประกอบกับเทรนด์การใช้ชีวิตของผู้คนที่เปลี่ยนไปอยู่บ้านมากขึ้น จึงช่วยให้ยอดขายผลิตภัณฑ์ โดยเฉพาะอาหาร ซึ่งเป็นปัจจัยที่สำคัญต่อสุขภาพของสัตว์เลี้ยงเติบโตพุ่งขึ้นทุกปี
นี่จึงถือเป็นโอกาสของเจ้าของธุรกิจและผู้ประกอบการเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์สัตว์เลี้ยงที่จะได้ดึงดูดลูกค้ากลุ่มนี้ให้สนใจแบรนด์คุณมากขึ้น ด้วยการวางแผนการผลิตให้ตรงตามความต้องการของตลาด เช่น อำนวยความสะดวกด้านขนาดบรรจุภัณฑ์ให้ใหญ่ขึ้น ยืดระยะเวลาในการเก็บรักษาให้ยาวนานออกไป ตลอดจนเพิ่มคุณค่าทางโภชนาการด้วยวัตถุดิบคุณภาพที่ดีมีประโยชน์ต่อสุขภาพของสัตว์เลี้ยง ตามมาตรฐานการผลิตสินค้าให้สอดคล้องกับหลักการสากลด้านสุขอนามัย
หากใครที่สนใจทำการตลาดโปรโมตผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับสัตว์เลี้ยง แต่ยังไม่รู้จะเริ่มต้นยังไง และต้องการข้อมูลเพิ่มเติม สามารถ ติดต่อสอบถาม HelloAds เอเจนซีรับทำการตลาดออนไลน์แบบครบวงจรกันได้เลย