เรียกได้ว่าปัจจุบันนี้ Influencer Marketing เป็นกลยุทธ์ที่มาแรงที่หลายแบรนด์คุ้นเคยกันเป็นอย่างดี เพราะจากการสำรวจของ Mediakix บริษัทยักษ์ใหญ่ในสหรัฐอเมริกาที่มีชื่อเสียงด้าน Influencer Marketing พบว่า กว่า 89% ของนักการตลาดทั้งหมดเผยว่า ROI (Return on Investment คือตัวเลขแสดงผลตอบแทนที่จะได้รับจากการลงทุน โดย ROI จะช่วยแสดงให้เห็นว่าการลงทุนครั้งนั้นได้รับผลกำไรหรือขาดทุนมากน้อยเพียงใด) ของตลาด Influencer ได้มากกว่าการทำการตลาดด้วยกลยุทธ์อื่นๆ
เพราะผู้คนในปัจจุบันมักใช้ชีวิตอยู่บนโลกออนไลน์เป็นส่วนใหญ่ จากการศึกษาของ We Are Social ในปี 2021 พบว่าประเทศไทยมีบัญชี Social Media ที่ยังมีการ Active อยู่สูงถึง 55 ล้านบัญชี ซึ่งคิดเป็น 78.7% ของประชากรทั้งประเทศ โดยเพิ่มขึ้นจากปีก่อนถึง 5.8% และมากกว่า 55.5% ผู้คนใช้ Social Media ในการหาข้อมูลแบรนด์ที่สนใจอีกด้วย
ซึ่งจากข้อมูลเหล่านี้ แสดงให้เห็นถึงโอกาสในการเข้าถึงลูกค้าได้ผ่าน Social Media ต่างๆ มากมาย ซึ่งหนึ่งในกลยุทธ์การตลาดที่จะเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพก็คือ Influencer Marketing นั่นเอง เพราะพฤติกรรมของผู้คนมักจะชอบติดตามกลุ่มคนที่เราชื่นชอบทั้งไลฟ์สไตล์และแนวคิด ซึ่งกลุ่มคนกลุ่มนี้มักมีอิทธิพลต่อความคิดของพวกเรา แบรนด์ต่างๆ จึงใช้กลุ่มคนเหล่านี้เพื่อทำการสื่อสารให้ไปถึงกลุ่มเป้าหมายให้รู้จักและได้ทดลองใช้สินค้าและบริการของแบรนด์นั่นเอง
หากคุณต้องการใช้ Influencer Marketing เพื่อส่งเสริมแบรนด์คุณ คุณไม่ต้องมองหาไกล เพราะเราเป็นหนึ่งใน Influencer Marketing Agency ที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในการเลือก Influencer ที่เหมาะสมกับแคมเปญของคุณ ไม่ว่าจะเป็นด้านเป้าหมาย งบประมาณ หรือสไตล์การสื่อสาร เราก็พร้อมวางแผนและดูแลทุกขั้นตอนให้แบรนด์คุณได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
ยาวไปอยากเลือกอ่าน
Toggleข้อมูลเชิงลึกที่ช่วยให้แบรนด์เห็นโอกาสเติบโตของธุรกิจด้วย Influencer Marketing
จากข้อมูลเชิงลึกในประเทศไทยพบว่า นักชอปกว่า 87% มักอ่านรีวิวเกี่ยวกับสินค้าก่อนตัดสินใจซื้อ ด้วยเหตุนี้ แคมเปญของแบรนด์ที่ใช้อินฟลูเอนเซอร์จึงให้ ROI สูงกว่า 11 เท่า เมื่อเทียบกับการโฆษณาแบบเดิมๆ โดยเฉพาะแคมเปญที่ใช้ Micro Influencer สูงกว่า 7 เท่าเลยทีเดียว นอกจากนี้ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา จำนวนการค้นหาคำว่า Influencer Marketing ได้เพิ่มขึ้นถึง 1,500%
ยิ่งไปกว่านั้น จากสถิติข้อมูลเชิงลึกในปี 2022 ยังเผยว่าตลาดอินฟลูเอนเซอร์ในสหรัฐอเมริกามีมูลค่าสูงถึง 16.4 พันล้าน และในปีนี้ 63% ของนักการตลาดวางแผนเพิ่มงบประมาณการตลาดโดยใช้อินฟลูเอนเซอร์มากขึ้นเป็นเท่าตัว
75% ของนักการตลาดกล่าวว่า การหาอินฟลูเอนเซอร์ที่เหมาะสมเป็นความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของพวกเขาเลยทีเดียว เพราะการหาอินฟลูเอนเซอร์เพื่อใช้ในการโปรโมตต้องใช้เวลาในการค้นหาและติดต่อสื่อสาร บริการ Influencer Marketing ของ HelloAds จึงช่วยตอบโจทย์แคมเปญของคุณได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากคุณสนใจบริการของเรา ติดต่อเราเลย
ส่วนอุตสาหกรรมอินฟลูเอนเซอร์ก็ได้เติบโตอย่างต่อเนื่องในอัตราที่รวดเร็วกว่า 40% ต่อปี และในที่สุดก็ได้ทะลุหลัก 1 หมื่นล้านดอลลาร์ในปี 2021 เป็น 13.8 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งตั้งแต่ปี 2016 ถึง 2022 อัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปีของอุตสาหกรรมนี้อยู่ที่ 46.9% และในปี 2023 มีการคาดการณ์ว่าอุตสาหกรรมอินฟลูเอนเซอร์จะเติบโตเป็นประมาณ 21.1 พันล้านดอลลาร์เลยทีเดียว
นอกจากสถิติของอุตสาหกรรมอินฟลูเอนเซอร์ยังเติบโตอย่างก้าวกระโดดแล้ว สถิติของผู้บริโภคที่ได้รับอิทธิพลจากอินฟลูเอนเซอร์ก็เพิ่มขึ้นอย่างเท่าตัวอีกด้วย โดย 61% ของผู้บริโภคเชื่อคำแนะนำของอินฟลูเอนเซอร์ ในขณะเดียวกันมีเพียง 38% เท่านั้นที่เชื่อถือเนื้อหาโซเชียลมีเดียของแบรนด์ โดย 51% ของนักการตลาดกล่าวว่าการตลาดโดยใช้อินฟลูเอนเซอร์ช่วยให้พวกเขาได้ลูกค้าเพิ่มมากขึ้น ส่วนแพลตฟอร์มที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในตลาดอินฟลูเอนเซอร์คือ Instagram ที่ 79% ของแบรนด์ได้ใช้แพลตฟอร์มนี้สำหรับแคมเปญของตน ตามมาด้วย YouTube 51% และ TikTok 43%
7 ตัวแปรที่มีต่อ ROI ของ Influencer Marketing กลยุทธ์ที่แบรนด์พลาดไม่ได้
ในปัจจุบันนี้ ทั้งแบรนด์เล็กและแบรนด์ใหญ่ต่างก็ใช้กลยุทธ์ Influencer กันทั้งนั้น อย่างแคมเปญจากแบรนด์ดัง Coca Cola ที่ร่วมมือกับอินฟลูเอนเซอร์ด้านแฟชั่น ท่องเที่ยว และไลฟ์สไตล์ โดยเป้าหมายหลักของแคมเปญนี้คือการส่งเสริมแบรนด์ในภูมิภาคยุโรป ทาง Coca Cola จึงได้ใช้ Influencer ใน Instagram 14 คนและมีโพสต์ผู้สนับสนุน 22 โพสต์ โพสต์ทั้งหมดมีแท็ก @cocacola.eu และ #ThisOnesFor ซึ่งสิ่งนี้สามารถสร้างยอดไลก์มากกว่า 1,73,000 ไลก์ 1,600 ความคิดเห็น และแฮชแท็กนี้ได้กลายเป็นหนึ่งในแฮชแท็กยอดนิยมบน Instagram หรือแคมเปญ 67 Shades ที่ได้รับรางวัลของ Dior ซึ่งทางแบรนด์ได้ร่วมมือกับอินฟลูเอนเซอร์จำนวนมาก เพื่อโปรโมตผลิตภัณฑ์ Forever Foundation ซึ่งมีเฉดสีรองพื้น 67 เฉดสีที่ไม่เหมือนใคร
แต่การจ้างอินฟลูเอนเซอร์เพื่อโปรโมตแบรนด์นั้นให้ผลตอบแทนกับแบรนด์เราจริงหรือไม่ ซึ่งคำถามนี้ได้มีการสำรวจ โดย HBR (Harvard Business Review) กับเอเจนซีการตลาดที่ใช้อินฟลูเอนเซอร์ระหว่างประเทศเพื่อวิเคราะห์โพสต์การตลาดอินฟลูเอนเซอร์มากกว่า 5,800 โพสต์บน Weibo แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียยอดนิยมของจีน พบว่าโดยเฉลี่ยแล้ว การใช้จ่ายด้านการตลาดที่ใช้อินฟลูเอนเซอร์เพิ่มขึ้น 1% ทำให้การมีส่วนร่วมเพิ่มขึ้น 0.46% ซึ่งเป็นข้อบ่งชี้ว่ากลยุทธ์ Influencer Marketing สามารถส่งผลต่อ ROI ในเชิงบวกได้
หากแบรนด์ต่างๆ อยากใช้กลยุทธ์ Influencer Marketing ในการเพิ่มการมีส่วนร่วมและการเข้าถึง รวมไปถึงยอดขาย ต้องรู้จักกับ 7 ตัวแปรที่มีต่อ ROI ของ Influencer Marketing ดังนี้
1. จำนวน Followers ของอินฟลูเอนเซอร์
จากข้อมูลพบว่ายิ่งอินฟลูเอนเซอร์มีผู้ติดตามมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งมีการเข้าถึงมากขึ้นเท่านั้น และนอกจากนี้ บรรดาอินฟลูเอนเซอร์เหล่านี้ยังถูกมองว่าเป็นที่นิยมและน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้นอีกด้วย ซึ่งสิ่งนี้จะช่วยสร้างอัตราการมีส่วนร่วมที่สูงกว่าอินฟลูเอนเซอร์ที่ได้รับความนิยมน้อยกว่า เมื่อเทียบกับแบรนด์ที่ใช้งบประมาณเท่ากัน โดยข้อมูลของ HBR เผยว่าโพสต์จากอินฟลูเอนเซอร์ที่มีฐานผู้ติดตามที่มีค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานมากกว่าค่าเฉลี่ย 1 ค่า จะทำให้ ROI เพิ่มขึ้น 9.2%
2. ความถี่ในการโพสต์ของอินฟลูเอนเซอร์
มีการวิเคราะห์ว่าอินฟลูเอนเซอร์ที่โพสต์ไม่บ่อยจะถูกมองว่ายังมีสถานะไม่เพียงพอที่จะสร้างการมีส่วนร่วมและความไว้วางใจในกลุ่มของ Followers ได้ดี แต่ในขณะเดียวกันการโพสต์บ่อยเกินไปก็อาจทำให้บรรดา Followers เกิดความรำคาญได้ ซึ่งอินฟลูเอนเซอร์ที่มีการโพสต์ในระดับปานกลางหรือประมาณ 3-4 โพสต์ต่อสัปดาห์จะช่วยให้แบรนด์ได้รับ ROI สูงสุดถึง 53.8%
3. Follower ของอินฟลูเอนเซอร์ต้องเหมาะสมกับ Brand
เมื่อบรรดา Follower ของอินฟลูเอนเซอร์สนใจสิ่งที่เกี่ยวข้องกับแบรนด์ โพสต์รีวิวของอินฟลูเอนเซอร์ก็จะมีแนวโน้มที่ทำให้เหล่า Follower อยากมีส่วนร่วมเป็นพิเศษ เพราะพวกเขาจะรู้สึกว่ามีความเกี่ยวข้องเป็นการส่วนตัวนั่นเอง จากผลการวิเคราะห์ของ HBR พบว่า เพียงแค่ประมาณ 9% ของ Follower ของอินฟลูเอนเซอร์มีความสนใจที่ตรงกับแบรนด์ก็จะช่วยเพิ่ม ROI มากยิ่งขึ้น และหากค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานหนึ่งค่าที่แตกต่างจากระดับนี้จะทำให้ ROI ลดลง 7.9%
4. Originality ของอินฟลูเอนเซอร์
ความเป็นตัวเองของอินฟลูเอนเซอร์ส่งผลต่อ ROI เป็นอย่างมาก เพราะหากอินฟลูเอนเซอร์ลงคอนเทนต์ที่เป็นตัวตนตัวเองจริงๆ จะทำให้โพสต์มีความโดดเด่น น่าสนใจ และน่าเชื่อถือมากกว่าโพสต์ที่ได้รับคำแนะนำจากแบรนด์ จากการวิเคราะห์พบว่าโพสต์รีวิวของอินฟลูเอนเซอร์ที่มีความเป็นตัวเองจะทำให้ ROI เพิ่มขึ้น 15.5%
5. โพสต์ของอินฟลูเอนเซอร์
เพราะปัจจุบันนี้กลุ่มผู้บริโภคมีแนวโน้มที่จะมีส่วนร่วมกับโพสต์ที่เป็นเชิงบวกค่อนข้างสูง แต่ถ้าโพสต์นั้นดูเอเวอร์เกินไปจนดูไม่น่าเชื่อถือ ผู้บริโภคก็อาจไม่มีส่วนร่วมเช่นเดียวกัน ซึ่งโพสต์ที่มีความสมจริงจะสามารถเพิ่ม ROI ได้โดยเฉลี่ย 1.9%
6. โพสต์มีลิงก์ไปยังหน้าเว็บไซต์ของแบรนด์
จากการวิจัยเกี่ยวกับ Content Marketing พบว่า โพสต์ที่มีลิงก์ไปยังหน้าเว็บไซต์หรือบัญชีโซเชียลมีเดียของทางแบรนด์จะช่วยให้ได้รับ ROI สูงขึ้น 11.4% เนื่องจากลิงก์เหล่านี้จะให้ข้อมูลเพิ่มเติมที่สำคัญแก่ผู้บริโภคเกี่ยวกับสินค้าและบริการของทางแบรนด์ ทำให้พวกเขามีแนวโน้มที่จะมีส่วนร่วมมากขึ้น
7. การโพสต์เกี่ยวกับสินค้าหรือบริการใหม่ๆ ของอินฟลูเอนเซอร์
กลยุทธ์ Influencer Marketing ในปัจจุบันได้เป็นที่นิยมในแบรนด์ต่างๆ ทำให้แบรนด์มักใช้อินฟลูเอนเซอร์ในการโปรโมตเพื่อเปิดตัวสินค้าหรือบริการใหม่ๆ ซึ่งจากข้อมูลพบว่า ROI สำหรับโพสต์ที่มีการประกาศเปิดตัวสินค้าใหม่นั้นต่ำกว่าโพสต์ที่ไม่เกี่ยวข้องกับสินค้าใหม่ถึง 30.5%
ทั้ง 7 ข้อนี้ถือเป็นตัวแปรหลักที่มีต่อ ROI ในตลาดอินฟลูเอนเซอร์ หากแบรนด์ไหนอยากใช้กลยุทธ์ Influencer Marketing ให้ได้ผลดีที่สุด ก็อย่าลืมวางแผนหาอินฟลูเอนเซอร์ตามนี้เพื่อเป็นแนวทาง แต่สำหรับไม่ชอบความยุ่งยากและไม่อยากเสียเวลาในการค้นหาอินฟลูเอนเซอร์ สามารถติดต่อสอบถาม HelloAds เอเจนซีรับทำการตลาดออนไลน์แบบครบวงจรกันได้เลย