ยาวไปอยากเลือกอ่าน
ToggleMarTech เครื่องมืออันทรงพลังที่จะช่วยทำให้กลยุทธ์ทางการตลาดมีโอกาสสำเร็จได้ตามความต้องการมากขึ้น
พอได้ยินคำว่า MarTech หลายคนอาจยังไม่คุ้นเคยและไม่คิดว่าพวกเขาเคยใช้งาน MarTech มาก่อน แต่ถ้าถามว่าคุณเคยใช้ Google Ads, Facebook Ads หรือ TikTok Ads หรือไม่ เชื่อได้เลยว่าหลายคนต้องคุ้นเคยแน่ๆ ใช่แล้ว เพราะพวกเครื่องมือเหล่านี้ก็ถือว่าเป็น MarTech เช่นกัน ดังนั้น เหล่านักการตลาดหรือผู้คนที่ทำงานในโลกดิจิทัลต้องเคยใช้งาน MarTech กันแทบทุกวันแน่ๆ ซึ่ง MarTech มาจากการผสมผสานคำระหว่าง Marketing และ Technology โดยมีความหมายถึงนวัตกรรม เครื่องมือ หรือกลุ่มของเครื่องมือ (MarTech Stacks) ที่ทำให้ธุรกิจต่างๆ สามารถทำความเข้าใจลูกค้าและมอบสิ่งต่างๆ ตามที่พวกเขาต้องการได้ดียิ่งขึ้นและทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ดังนั้น MarTech จึงเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ทุกวันนี้ไม่รู้ไม่ได้แล้ว จากการสำรวจพบว่าปัจจุบันนี้โลกการตลาดของเรามีการใช้งบประมาณ MarTech 10 – 20% จากงบประมาณการตลาดทั้งหมด แต่ในอนาคตจะมีการเพิ่มงบประมาณเพื่อ MarTech ในปี 2023 โดยเฉพาะเป็น 75% ซึ่งสิ่งนี้ทำให้การเติบโตของ MarTech ในประเทศไทยเป็นที่น่าจับตามองเป็นอย่างมาก
เพราะในการทำการตลาดออนไลน์หรือ Digital Marketing ในวงการตลาดถือเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ เพราะถือว่าเครื่องมือ MarTech มีส่วนช่วนในการทำกิจกรรมต่างๆ ทางการตลาด ไม่ว่าจะเป็นการจัดเก็บข้อมูล การวิเคราะห์ข้อมูล การติดตามข้อมูล และรวมไปถึงการปิดการขายได้
MarTech มีความสำคัญต่อวงการนักการตลาดอย่างไร
ในทุกๆ ปี การเติบโตของ MarTech ในตลาดจะมีเพิ่มมากขึ้น โดยจะเห็นได้ว่า Marketing Technology Trends จาก Forbes ในปีที่ผ่านมานี้ พบว่ามีเทคโนโลยีที่เป็นเทรนด์สำคัญเกิดขึ้นมากมาย อย่างเทรนด์การใช้ VR/AR การทำ Big Data Platforms หรือการใช้ Artificial intelligence (AI) เป็นต้น ซึ่งเทรนด์เหล่านี้ก็ยังได้รับความนิยมและถูกพูดถึงอย่างต่อเนื่องในวงการนักการตลาด จนกลายเป็นกลยุทธ์การตลาดที่จะช่วยให้หลายธุรกิจนำหน้าแซงคู่แข่งแบบก้าวใหญ่ๆ ได้เลยทีเดียว
และยิ่ง MarTech ได้พัฒนามากยิ่งขึ้นในปัจจุบัน ทำให้เหล่านักการตลาดหันมาใช้งาน MarTech กันให้มากยิ่งขึ้น และนี่คือ 4 เหตุผลว่าทำไมเราถึงควรเริ่มใช้ MarTech
1. เป็นตัวช่วยในการรับมือความเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมผู้บริโภค
เพราะพฤติกรรมของผู้บริโภคได้เปลี่ยนไปในช่วงสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ทำให้ภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องจำเป็นต้องปรับตัวและหากลยุทธ์ใหม่ในการเข้าถึงผู้บริโภค โดยอ้างอิงจาก MarTech Report 2022 ของ ADA แล้วพบว่าการใช้ MarTech เข้ามาช่วยในด้านต่างๆ จะช่วยให้ธุรกิจรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของผู้บริโภคได้ดีขึ้น
2. ช่วยจัดการข้อมูลมหาศาลในโลกยุคดิจิทัล
ในยุคที่มีจำนวนข้อมูลมหาศาลอย่างนี้ MarTech คือเครื่องมือสำคัญในการทำการตลาดที่จะช่วยวิเคราะห์ข้อมูลจากแพลตฟอร์มต่างๆ เพื่อให้เข้าใจความต้องการของผู้บริโภคและความต้องการของตลาดได้ดียิ่งขึ้น จนสามารถนำไปสู่การวางแผนกลยุทธ์ในการสื่อสารและให้บริการได้อย่างมีประสิทธิภาพ
3. ช่วยวางกลยุทธ์ OmniChannel
เพราะการเข้าถึงผู้บริโภคได้ในหลากหลายช่องทางเป็นเรื่องสำคัญที่จะทำให้แบรนด์ได้ใกล้ชิดกับผู้บริโภคและสามารถเพิ่มยอดขายให้ตัวเองได้มากขึ้น แต่การเชื่อมต่อระหว่างแพลตฟอร์มต่างๆ ทั้งหมดอาจไม่ใช่เรื่องง่าย MarTech จึงเป็นตัวช่วยเด็ดที่จะมาช่วยจัดเก็บข้อมูลที่แม่นยำ จัด Segment ผู้บริโภคให้แคบลง และทำ Personalization อย่างตรงจุดนั่นเอง
4. ช่วยให้การทำงานของนักการตลาดมีประสิทธิภาพมากขึ้น
เพราะ MarTech จะช่วยตอบโจทย์การทำงานด้านการตลาด อย่างช่วยลดงาน Process เดิมๆ หรือช่วยทำงานที่ต้องอาศัยการวิเคราะห์เชิงลึกได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทำให้ลดการใช้แรงลง แต่ได้ผลลัพธ์ที่มากขึ้น
แต่แน่นอนว่า MarTech เพียงอย่างเดียวอาจจะไม่สามารถทำให้การตลาดประสบความสำเร็จได้ เพราะแบรนด์จำเป็นต้องมีกลยุทธ์การตลาดที่แข็งแกร่ง เพื่อให้แบรนด์สามารถทำการตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุดนั่นเอง
รู้จักกับ 6 หมวดหมู่ของ MarTech เครื่องมือที่ช่วยให้ธุรกิจคุณก้าวไกลยิ่งกว่าเดิม
ตามข้อมูลเว็บไซต์ Chiefmartec ได้แบ่งหมวดหมู่ต่างๆ ของ MarTech ที่มีจำนวนมากไว้ 6 หมวดหมู่หลักดังนี้
- หมวดหมู่ที่ 1: Advertising & Promotion (การโฆษณาและการโปรโมต)
เป็น MarTech ที่ช่วยให้โฆษณาดิจิทัลเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ดียิ่งขึ้นอย่าง Social Media ads, Search ads หรือ Programmatic Advertising
- หมวดหมู่ที่ 2: Content & Experience (คอนเทนต์และประสบการณ์)
เป็น MarTech ที่ช่วยให้จัดการเว็บไซต์ได้ดีขึ้นหรือช่วยออกแบบ เพื่อมอบประสบการณ์ดิจิทัลให้กับผู้บริโภค เช่น Content Marketing ที่มี MarTech เป็นเครื่องมือสร้างเว็บไซต์ สร้างมีเดีย หาไอเดียคอนเทนต์ หรือเช็กการสะกดคำ หรือจะเป็น Email Marketing ที่มี MarTech เป็นเครื่องมือใช้ในการดูแลและจัดการอีเมลโดยเฉพาะ เป็นต้น
- หมวดหมู่ที่ 3: Social & Relationships (โซเชียลและความสัมพันธ์)
เป็น MarTech ที่ช่วยจัดการ social media ช่วยให้โพสต์คอนเทนต์ไปหลายๆ ที่พร้อมกันได้ และสามารถใช้ในการสานสัมพันธ์กับบุคคล ไม่ว่าจะเป็นลูกค้าหรือพนักงานก็ตาม
- หมวดหมู่ที่ 4: Commerce & Sales (การพาณิชย์และการขาย)
เป็น MarTech ที่ช่วยให้ขายของผ่าน social media หรือใช้ในการทำงานด้านการค้าขายและการทำ E-commerce อย่าง Evoleads ที่เป็นเครื่องมือที่ช่วยในด้าน Affiliate Marketing & Management
- หมวดหมู่ที่ 5: Data (ข้อมูล)
เป็น MarTech ที่ช่วยจัดการข้อมูลให้เป็นระบบ ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล โดยมีการนำเสนอออกมาเป็นชุดข้อมูลที่ช่วยให้เห็นเป็นภาพรวมมากขึ้น
- หมวดหมู่ที่ 6: Collaboration & Management (การทำงานร่วมกันและการจัดการ)
เป็น MarTech ที่ช่วยบริหารโปรเจกต์ต่างๆ และติดต่อสื่อสารเรื่องงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ใช้ยกระดับในด้านการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
พาส่อง Insights ของการใช้ MarTech ในประเทศไทย
แม้ว่าปัจจุบันประเทศไทยยังมีการใช้ MarTech ที่ยังไม่แพร่หลายนัก แต่จากสถิติที่องค์กรส่วนใหญ่มีเป้าหมายในการใช้ MarTech นั้นส่วนมากจะใช้เพื่อวิเคราะห์ข้อมูล 21% เก็บข้อมูล 17% เพิ่มประสิทธิภาพในการทำการตลาด 14% และเพิ่มยอดขาย 14%
โดย MarTech ที่ใช้ส่วนใหญ่มักจะเป็นเครื่องมือในหมวดหมู่ Advertising & Promotion 69%, Data 65% และ Content & Experience 61% ซึ่งโดยรวม MarTech ทุกหมวดหมู่จะเริ่มมีความสำคัญมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่ม Data ยังคงมีความสำคัญมากขึ้นอย่างต่อเนื่องถึง 94% ซึ่งหากแบรนด์ต่างๆ สามารถนำ MarTech เข้าไปปรับใช้ในชีวิตประจำวันได้อย่างมีประสิทธิภาพ แบรนด์ก็จะได้เปรียบในเรื่องของการวิเคราะห์ข้อมูลและการทำงานต่างๆ
Top 3 MarTech Tools ที่แบรนด์ส่วนใหญ่วางแผนที่จะใช้งานในปี 2023
- หมวดหมู่ที่ 1: Advertising & Promotion (การโฆษณาและการโปรโมต)
- Mata Ads Manager 80%
- Google Ads 79%
- Line Ads 64%
- หมวดหมู่ที่ 2: Content & Experience (คอนเทนต์และประสบการณ์)
- WordPress 55%
- Canva 43%
- MailChimp 21%
- หมวดหมู่ที่ 3: Social & Relationships (โซเชียลและความสัมพันธ์)
- Zoom 28%
- Hootsuite 17%
- Tellscore 16%
- หมวดหมู่ที่ 4: Commerce & Sales (การพาณิชย์และการขาย)
- Line Shopping 31%
- WooCommerce 25%
- 2C2P 23%
- หมวดหมู่ที่ 5: Data (ข้อมูล)
- Google Analytics 81%
- Looker Studio 46%
- Google Optimize 33%
- หมวดหมู่ที่ 6: Collaboration & Management (การทำงานร่วมกันและการจัดการ)
- Microsoft Team 37%
- Trello 35%
- Google Workspace 35%
สิ่งนี้จะช่วยแบรนด์ต่างๆ ได้รู้ถึงแนวโน้มการเติบโตของ MarTech ก่อนใครและสามารถเลือกใช้ให้เหมาะสมกับการทำงานของตัวเองได้อย่างง่ายดายนั่นเอง
โดยจากการสำรวจพบว่า ปัจจัยที่ทำให้แบรนด์เลือกใช้ MarTech มาจากเครื่องมือที่เป็นที่รู้จักและมีความน่าเชื่อถือ โดยเฉพาะถ้าเป็นเครื่องมือระดับโลก มีความน่าเชื่อถือในมาตรฐานการรักษาความปลอดภัยของข้อมูล และมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
8 เทรนด์หลักของ MarTech ในประเทศไทย ปี 2023
- ความสำคัญที่เพิ่มขึ้นของฐานข้อมูลลูกค้าขององค์กรและแพลตฟอร์ม (Rise of First Party Data and CDP) ซึ่งมาจากปัจจัยหลัก 2 ประการคือ การได้รับข้อมูลที่จำกัด และ พ.ร.บ. ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล ทำให้เกิดความต้องการที่เพิ่มมากขึ้นในการจัดการข้อมูลลูกค้าขององค์กรอย่างเป็นระบบ
- ความต้องการที่เพิ่มขึ้นขององค์กรที่จะดำเนินธุรกิจโดยใช้ช่องทางดิจิทัลของตัวเอง (Brand.com) ในปัจจุบันที่ช่องทางการขายได้มีการเปลี่ยนแปลงสู่โลกออนไลน์มากขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ละแบรนด์จึงต้องพบกับความท้าทายในหลายด้าน โดยเฉพาะแรงกดดันจากการแข่งขันที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก และกระแสความนิยมของ Social Commerce ทำให้แบรนด์ต้องมองหาช่องทางใหม่ๆ มาเพื่อเพิ่มโอกาสในการทำการตลาดได้มากขึ้น
- ยุคของสร้างแอปพลิเคชันโดยไม่ต้องเขียนโค้ด (No-Code / Low-Code Era) เพราะปัจจุบันได้มีการพัฒนารูปแบบ MarTech ที่พร้อมใช้งานได้ง่ายมากขึ้น จึงทำให้ MarTech ในหมวดหมู่นี้ได้รับความนิยมมากขึ้นนั่นเอง
- การทำงานประสานกันของมนุษย์และเครื่องจักร (Synergizing Human and Machine) ถึงแม้ว่าในปัจจุบันจะมีการใช้เทคโนโลยีต่างๆ มาช่วยงานมากขึ้น แต่ในกระบวนการจัดการ มนุษย์ก็ยังคงมีส่วนสำคัญ ทั้งในด้านการให้ข้อมูล การวางแผน และออกแบบข้อกำหนดต่างๆ (Rule-based) รวมทั้งการใช้งานจริง ดังนั้นการใช้งาน MarTech อย่างมีประสิทธิภาพ จึงต้องอาศัยการทำงานที่ประสานกันอย่างดีของมนุษย์ และเทคโนโลยี เพื่อให้ได้ข้อได้เปรียบของในการทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- การมีข้อมูลจำนวนมาก แต่มีความเข้าใจผู้บริโภคน้อย (Data Rich, but Insight Poor) การใช้ MarTech จะช่วยให้องค์กรมีข้อมูลที่ใช้วัดผลการดำเนินการและเรียนรู้สถานการณ์ของธุรกิจต่างๆ ในปัจจุบันได้ แต่การจะนำข้อมูลเหล่านี้มาประยุกต์ใช้ เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงหรือผลกระทบในตลาดตามที่ธุรกิจต้องการนั้น จะต้องมีความเข้าใจในความต้องการของลูกค้าเชิงลึก (Consumer Insight) เพื่อทำให้องค์กรสามารถออกแบบกลยุทธ์ในการขับเคลื่อนธุรกิจได้ตรงจุด
- ปัญญาประดิษฐ์ที่ฉลาดมากขึ้น (Smarter AI) ปัจจุบันนี้ระบบปัญญาประดิษฐ์ มีการพัฒนาให้มีความฉลาดมากขึ้น และตอบสนองความต้องการของตลาดได้ดีขึ้น ซึ่งแนวโน้มนี้จะยังคงมีให้เห็นต่อไป เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดที่เปลี่ยนไปค่อนข้างรวดเร็ว
- การเชื่อมต่อและทำงานร่วมกันอย่างเป็นระบบของ MarTech (MarTech Stack Integration) MarTech ได้ถูกนำมาใช้กับการทำการตลาดและหน่วยงานต่างๆ ในองค์กรอย่างแพร่หลาย แต่ระบบต่างๆ ที่เลือกใช้อาจจะยังไม่ได้เชื่อมต่อและใช้งานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ บางครั้งต้องแยกใช้เป็นระบบต่างหาก และทำให้เกิดความยุ่งยากทั้งในด้านเวลาและบุคคลากรเมื่อต้องการเชื่อมต่อข้อมูลเข้าด้วยกัน ในอนาคตความต้องการในการรวบรวมและนำ MarTech มาใช้ทำงานพร้อมๆ กันจะเพิ่มขึ้น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของระบบการทำงานและขั้นตอนให้ไปถึงเป้าหมายที่กำหนดไว้ ซึ่งจะส่งผลต่อการเลือกใช้ MarTech ที่นอกจากจะขึ้นกับแต่ละประเภทธุรกิจ และความสามารถที่ต้องการในการทำงานแล้ว จะมีการคำนึงถึงความสามารถที่จะเชื่อมต่อและใช้งานพร้อมกันออกมาเป็นระบบ (MarTech Stack) ได้ เพื่อทำให้องค์กรได้ผลลัพธ์โดยรวมที่ดีมากกว่า
- ความก้าวหน้าของข้อมูล (Advanced Data Analytics) ระบบข้อมูลในปัจจุบันนับว่ายังไม่ครอบคลุมครบถ้วนนัก แต่ในอนาคต ด้วยความช่วยเหลือจาก MarTech จะทำให้ระบบข้อมูลในมือขององค์กรมีความก้าวหน้าและครบถ้วนมากขึ้น ด้วยการพัฒนาใน 5 เรื่องดังนี้ ความรวดเร็วของการได้รับข้อมูลแบบเรียลไทม์ ความสามารถในการคาดการณ์ การให้ข้อมูลในบริบทอื่น การเห็นข้อมูลรวมของลูกค้าในภาพเดียว และความสามารถในการบริหารจัดการแบบรายบุคคลหรือการตลาดแบบรู้ใจลูกค้า
ทั้ง 8 เทรนด์นี้เป็นเทรนด์ MarTech ที่น่าสนใจ เพื่อนำไปปรับใช้ในการทำงานของแต่ละแบรนด์ เสริมสร้างในองค์กรมีความแข็งแกร่ง และสามารถนำหน้าคู่แข่งใหญ่ๆ ได้ในที่สุด
อย่างที่เป็นที่รู้กันว่า Marketing Technology หรือ MarTech คือการทำการตลาดในรูปแบบใหม่ด้วยการนำเทคโนโลยีมาเป็นส่วนสำคัญในการทำการตลาด ไม่ว่าจะเป็นการจัดเก็บข้อมูล การวิเคราะห์ข้อมูล การติดตามข้อมูลของลูกค้าหรือข้อมูลของคู่แข่ง นอกจากนี้ยังรวมถึงการปิดการขายเทคโนโลยีก็สามารถทำได้ ดังนั้น Marketing Technology Tools ก็คือซอฟต์แวร์หรือเครื่องมือเทคโนโลยีต่างๆ ที่จะเป็นผู้ช่วยที่สามารถทำงานได้ตรงตามความต้องการของนักการตลาดที่จะนำผลลัพธ์หรือข้อมูลที่ได้ไปใช้เป็นข้อมูลในการทำกิจกรรมทางการตลาดต่อไป
เพราะเทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทมากขึ้นในด้านการตลาด MarTech จึงมีความสำคัญในการช่วยปรับปรุงวิธีที่เราสื่อสารและทำงานร่วมกับทั้งคู่ค้าและลูกค้า รวมไปถึงการปรับปรุงความสัมพันธ์แบบ B2B และ B2C ในระยะยาวได้อีกด้วย
หากใครที่สนใจอยากเริ่มทำการตลาด แต่ยังไม่รู้จะเริ่มต้นยังไง และต้องการข้อมูลเพิ่มเติม สามารถติดต่อสอบถาม HelloAds เอเจนซีรับทำการตลาดออนไลน์แบบครบวงจรกันได้เลย