ยาวไปอยากเลือกอ่าน
ToggleInfluencer Marketing คือ กลยุทธ์การตลาดที่จะไม่ทำให้แบรนด์ตกยุค
Influencer Marketing คือ แผนการตลาดที่ผสมผสานระหว่างกลยุทธ์แบบเก่าและแบบใหม่เข้าด้วยกัน โดยมีอินฟลูเอนเซอร์เป็นผู้โฆษณาสินค้าหรือบริการต่างๆ ของแบรนด์ผ่านแคมเปญการตลาดที่ช่วยส่งเสริมการขายให้กับกลุ่มเป้าหมายได้สำเร็จ
ในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 การตลาดในสายอื่นๆ อาจส่งผลกระทบอย่างหนัก แต่ตลาดอินฟลูเอนเซอร์ยังคงเติบโตเพิ่มขึ้นกว่า 50% ในปี 2021 ซึ่งแนวโน้มการเติบโตอย่างต่อเนื่องนี้ ได้พิสูจน์แล้วว่าไม่ได้เป็นเพียง Advertising Channel เท่านั้น แต่ยังเป็น Marketing Channel ที่สามารถประเมินผลลัพธ์ด้านยอดขายได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย
Influencer Marketing จึงเป็นกลยุทธ์ทางการตลาดที่ไม่มีวันตกยุค ตราบใดที่อิทธิพลของเหล่าอินฟลูเอนเซอร์ยังมีส่วนในการโน้มน้าวกลุ่มผู้ติดตามให้สนใจและชื่นชอบ จนตัดสินใจซื้อสินค้าหรือบริการของแบรนด์นั้นๆ ได้สำเร็จ
โดยทั่วไปแล้ว คอนเทนต์ที่ใช้กลยุทธ์ Influencer Marketing มักจะอยู่ในช่องทางแพลตฟอร์มโซเซียลมีเดียต่างๆ เช่น Facebook, Instagram หรือ Tiktok เป็นต้น ซึ่งยอดผู้ติดตามค่อนข้างมีอิทธิพลในการโน้มน้าวกลุ่มเป้าหมาย ดังนั้น หากอินฟลูเอนเซอร์มีผู้ติดตามมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งมีโอกาสจูงใจให้คนซื้อสินค้าหรือบริการของแบรนด์มากขึ้นเท่านั้น และความถี่ในการโพสต์ลงโซเซียลมีเดียของอินฟลูเอนเซอร์ ก็ส่งผลต่อยอด Engagement และ Brand Awareness ด้วยเช่นกัน
อินฟลูเอนเซอร์แบบไหนที่ใช่ สำหรับแบรนด์ของคุณ
จากความนิยมที่เพิ่มขึ้นของกลยุทธ์ Influencer Marketing ทำให้ตลาดอินฟลูเอนเซอร์เติบโตอย่างรวดเร็ว จนสามารถแบ่งอินฟลูเอนเซอร์ออกตามจำนวนผู้ติดตามได้ 5 ประเภท ดังนี้
- Nano Influencer อินฟลูเอนเซอร์ที่มีผู้ติดตามตั้งแต่ 1,000 – 10,000 คน แม้จะเป็นกลุ่มที่มีผู้ติดตามน้อยที่สุด แต่มียอด Engagement กับผู้ติดตามที่สูง ทำให้เวลาลงรีวิวมักมีความน่าเชื่อถือ และส่งผลต่อการตัดสินใจเลือกซื้อสินค้าหรือใช้บริการสูงกว่าทุกกลุ่ม
- Micro Influencer อินฟลูเอนเซอร์ที่มีผู้ติดตามตั้งแต่ 10,001 – 50,000 คน อินฟลูเอนเซอร์กลุ่มนี้สามารถสร้างคอนเทนต์ที่ดึงดูดความสนใจจากกลุ่มเป้าหมายได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะกลุ่ม Niche Market เช่น ด้านการออกกำลังกายหรือด้านความสวยความงาม จึงส่งผลให้ผู้คนตัดสินใจซื้อสินค้าทันทีหลังจากอ่านรีวิว
- Mid-Tier Influencer อินฟลูเอนเซอร์ที่มีผู้ติดตามตั้งแต่ 50,001 – 500,000 คน อินฟลูเอนเซอร์กลุ่มนี้จะมีเอกลักษณ์และทีมงานคอยซัพพอร์ตในการทำคอนเทนต์โดยเฉพาะ ทำให้ได้โพสต์ที่มีคุณภาพสูง ส่งผลให้สามารถสร้างการรับรู้ไม่ใช่แค่ผู้ติดตาม แต่ยังรวมถึงในกลุ่มคนทั่วไปอีกด้วย
- Macro Influencer อินฟลูเอนเซอร์ที่มีผู้ติดตามมากกว่า 500,001 คนไปจนถึงหนึ่งล้านคน แต่เนื่องจากมีผู้ติดตามจำนวนมาก ทำให้อินฟลูเอนเซอร์ไม่สามารถมี Engagement กับผู้ติดตามได้อย่างทั่วถึง จึงเหมาะสำหรับแบรนด์ที่ต้องการสร้างการรับรู้และความน่าเชื่อถือในวงกว้างมากกว่า
- Mega Influencer อินฟลูเอนเซอร์ที่รู้จักกันทั่วไปในสังคม มีผู้ติดตามมากกว่า 1 ล้านคนขึ้นไป อินฟลูเอนเซอร์กลุ่มนี้มักจะมีอิทธิพลต่อผู้ติดตามและบุคคลทั่วไป จึงสามารถสร้างภาพลักษณ์เชิงบวก และการรับรู้ในวงกว้างได้ในเวลาอันรวดเร็ว ด้วยอิทธิพลของพวกเขา
ด้วยความหลากหลายของอินฟลูเอนเซอร์ แบรนด์จึงต้องศึกษาและเลือกอินฟลูเอนเซอร์ที่เหมาะสม เพื่อให้ได้ภาพลักษณ์ที่ดี และสื่อสารวัตถุประสงค์ได้อย่างตรงประเด็น จนสามารถเพิ่มการรับรู้ และกระตุ้นให้เกิดยอดขายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
วิเคราะห์จุดเด่นของ KOLs ในแต่ละแพลตฟอร์มยอดฮิตกับ HelloAds
กว่าหลายปีที่ผ่านมา HelloAds ได้ทำงานร่วมกับอินฟลูเอนเซอร์กว่า 1,000 คนในทุกช่องทางโซเซียลมีเดียยอดนิยม และทุกการทำงาน HelloAds นึกถึงความต้องการของแบรนด์เป็นหลัก เราจึงช่วยตั้งแต่วางแผนงาน บรีฟคอนเทนต์ และติดต่อประสานงานกับอินฟลูเอนเซอร์
โดยทาง HelloAds จะคัดเลือกอินฟลูเอนเซอร์ตามประเภทที่แบรนด์ต้องการ โดยคำนึงถึง 4 ปัจจัย คือ ยอดผู้ติดตาม สถิติยอด Engagement ที่ดี การผลิตคอนเทนต์ที่สร้างสรรค์ และภาพลักษณ์ที่เหมาะสมกับแบรนด์
หลังจากที่เราทราบรายละเอียดและจำนวนอินฟลูเอนเซอร์ที่แบรนด์ต้องการแล้ว HelloAds จะลิสต์อินฟลูเอนเซอร์มากกว่าจำนวนที่แบรนด์ต้องการเป็น 2 เท่า เพื่อส่งให้แบรนด์คัดเลือกคนที่เหมาะสมที่สุด
5 แพลตฟอร์มยอดนิยมในตลาดอินฟลูเอนเซอร์ที่แบรนด์ต้องรู้จักให้ลึกซึ้ง
- Instagram: แพลตฟอร์มยอดนิยมที่สร้าง Awareness ให้แก่แบรนด์ได้เป็นจำนวนมาก ซึ่งคอนเทนต์ที่เราแนะนำคือ Post photo album 4-6 รูป พร้อมแฮชแทกของแบรนด์ เรามีบริการช่วยคิดด้วยนะ
- ยอด Reach ของ Macro Influencer ที่แบรนด์จะได้รับโดยประมาณ คือ 7,000 ขึ้นไป
- ยอด Reach ของ Micro Influencer ที่แบรนด์จะได้รับโดยประมาณ คือ 2,000 ขึ้นไป
- ยอด Reach ของ Nano Influencer ที่แบรนด์จะได้รับโดยประมาณ คือ 1,000 ขึ้นไป
- TikTok: แพลตฟอร์มคลิปวิดีโอสั้น ซึ่งแต่ละอินฟลูเอนเซอร์ก็จะมีสไตล์แตกต่างกัน โดยเราจะเลือกคนที่มีไลฟ์สไตล์เกี่ยวข้องกับแบรนด์ มีไอเดียสร้างสรรค์ ทันสมัยตามกระแสอยู่เสมอ และให้อัปคลิปวิดีโอไม่เกิน 0.30 – 1 นาที
- ยอด View ของ Macro Influencer ที่แบรนด์จะได้รับโดยประมาณ คือ 8,000 ขึ้นไป
- ยอด View ของ Micro Influencer ที่แบรนด์จะได้รับโดยประมาณ คือ 2,000 ขึ้นไป
- ยอด View ของ Nano Influencer ที่แบรนด์จะได้รับโดยประมาณ คือ 700 ขึ้นไป
- Twitter: แพลตฟอร์มอัปเดตเทรนด์ และข่าวสารยอดฮิตก่อนใครเพื่อน ซึ่งคอนเทนต์ที่เราแนะนำคือ คอนเทนต์พร้อมรูปภาพ 4 รูปที่เน้นคุณภาพ มีความทัชใจ และสามารถเข้าถึงคนส่วนใหญ่ผ่านแฮชแทก
- ยอด Reach ของ Macro Influencer ที่แบรนด์จะได้รับโดยประมาณ คือ 8,000 ขึ้นไป
- ยอด Reach ของ Micro Influencer ที่แบรนด์จะได้รับโดยประมาณ คือ 4,500 ขึ้นไป
- ยอด Reach ของ Nano Influencer ที่แบรนด์จะได้รับโดยประมาณ คือ 3,500 ขึ้นไป
- Facebook: แพลตฟอร์มยอดนิยมสำหรับโปรโมชันของแบรนด์ เพราะยิ่งอินฟลูเอนเซอร์มีผู้ติดตามเยอะเท่าไหร่ โพสต์ของแบรนด์ก็จะได้รับการมองเห็นมากเท่านั้น โดยคอนเทนต์ที่เรามักใช้ คือ โพสต์สินค้าหรือบริการของแบรนด์ที่มี 4 รูปขึ้นไป พร้อมแนบลิงก์เว็บไซต์ของแบรนด์
- ยอด Reach ของ Macro Influencer ที่แบรนด์จะได้รับโดยประมาณ คือ 40,000 ขึ้นไป
- ยอด Reach ของ Micro Influencer ที่แบรนด์จะได้รับโดยประมาณ คือ 5,000 ขึ้นไป
- YouTube: แพลตฟอร์มวิดีโอชื่อดังที่สามารถ tie-in สินค้าหรือบริการของแบรนด์ได้อย่างสร้างสรรค์และมีเรื่องราว ซึ่งเราจะคัดเลือกอินฟลูเอนเซอร์ที่มียอดติดตาม 50,000 คนขึ้นไป เพื่อให้สามารถเข้าถึงผู้คนได้ในวงกว้าง
- ยอด Reach และ View ที่แบรนด์จะได้รับโดยประมาณ คือ 25,000 ขึ้นไป
ถ้าแบรนด์ทำตามที่เราแนะนำ ทั้งเลือกช่องทางที่ตรงกับกลุ่มเป้าหมายและสินค้าของแบรนด์ และสร้างรูปแบบคอนเทนต์ที่เหมาะกับช่องทางแพลตฟอร์มนั้นๆ มั่นใจได้เลยว่าการเพิ่มขึ้นของยอด Awarenessและยอดขายอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม
หากใครที่ยังตัดสินใจไม่ถูกว่าจะเลือกโปรโมตในช่องทางไหนหรือโปรโมตอย่างไรดี ทาง HelloAds ขอแนะนำอินฟลูเอนเซอร์ในช่องทางแพลตฟอร์ม ดังต่อไปนี้
จากภาพจะเห็นได้ว่า ผลิตภัณฑ์ด้านความสวยความงามเหมาะกับแพลตฟอร์ม Instagram, Twitter และ TikTok เนื่องจากแพลตฟอร์มแต่ละอย่างมีความน่าสนใจ และน่าดึงดูดใจ จึงสามารถแนะนำรายละเอียดแต่ละอย่างให้มีความน่าไว้วางใจ และแพร่กระจายข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว รวมถึงตรงกลุ่มเป้าหมายได้มากกว่าแพลตฟอร์มอื่นๆ
สำหรับสินค้าอุปโภคบริโภคเหมาะกับแพลตฟอร์ม Facebook และ Twitter เพราะในแพลตฟอร์มเหล่านี้มีเหล่าเพจผู้เชี่ยวชาญแนะนำของใช้รีวิวต่างๆ หากแบรนด์รีวิวสินค้าเหล่านี้ลงในแพลตฟอร์มดังกล่าวก็จะช่วยเข้าถึงผู้ติดตามของแต่ละแพลตฟอร์มให้สนใจสินคเาของแบรนด์มากขึ้น เช่นเดียวกับผลิตภัณฑ์ขนมขบเคี้ยว
แพลตฟอร์ม Instagram และ Twitter เหมาะสำหรับอุตสาหกรรมแฟชั่นเป็นพิเศษ เนื่องจากภาพที่สวยงามต่างๆ เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของแพลตฟอร์มอยู่แล้ว จึงสามารถโน้มน้าวใจให้ตัดสินใจซื้อสินค้าตามได้อย่างง่ายดาย
แน่นอนว่า หากเป็นแอปพลิเคชันและการบริการต่างๆ เหมาะกับแพลตฟอร์ม YouTube เพราะสามารถอธิบายการใช้งานต่างๆ ให้เห็นภาพได้อย่างชัดเจน จึงสามารถสร้างความน่าสนใจให้กับกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
หากใครที่สนใจทำการตลาดแบบ Influencer Marketing แบบนี้ สามารถติดต่อหรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมกับ HelloAds ผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาดออนไลน์ได้เลย