เป็นที่รู้กันดีว่า Influencer Marketing คือหนึ่งในกลยุทธ์ที่กระตุ้นยอดขาย และเพิ่มการเข้าถึงของผู้คนได้ดีที่สุด เพราะผู้บริโภครู้สึกใกล้ชิดกับโฆษณาของอินฟลูเอนเซอร์มากกว่าโฆษณาของแบรนด์โดยตรง ไม่ว่าจะเป็นทางโทรทัศน์ วิทยุ หรือแบนเนอร์ในเว็บไซต์ต่างๆ ก็ตาม ยิ่งเป็นอินฟลูเอนเซอร์ที่มีความสนใจตรงกับสินค้าและบริการมากเท่าใด ก็ยิ่งเพิ่มความน่าเชื่อถือและโน้มน้าวใจผู้บริโภคได้ดีเท่านั้น
นอกจากนี้ อินฟลูเอนเซอร์ยังมีผลต่อภาพลักษณ์ของแบรนด์อีกด้วย หากแบรนด์เลือกใช้อินฟลูเอนเซอร์ที่เหมาะสมอาจทำให้ภาพลักษณ์ของแบรนด์ดูดียิ่งขึ้น หรืออาจเปลี่ยนภาพลักษณ์ของแบรนด์ไปได้เลย เช่น สินค้าของแบรนด์ที่เป็นสบู่สมุนไพร ซึ่งมีกลุ่มเป้าหมายเป็นกลุ่มผู้สูงอายุ แต่แบรนด์ต้องการขยายกลุ่มเป้าหมายในเป็นกลุ่มผู้ใช้วัยรุ่น จึงเลือกใช้อินฟลูเอนเซอร์ที่เป็นที่นิยมในกลุ่มวัยรุ่น สิ่งนี้จะช่วยให้เปลี่ยนความคิดของกลุ่มวัยรุ่นที่มีต่อแบรนด์ และยังช่วยกระตุ้นการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภคได้ดีอีกด้วย
ยาวไปอยากเลือกอ่าน
Toggleอะไรทำให้แบรนด์ต่างๆ หันมาใช้กลยุทธ์ Influencer Marketing กันมาขึ้น
จากสถิติของ Wearesocial และ Hootsuite ซึ่งเป็นที่รวบรวมข้อมูลและจัดทำผลสรุปสถิติการใช้งานดิจิทัลทั่วโลก จะแสดงให้เห็นว่า คนไทยนิยมใช้โซเชียลมีเดียกันมากขึ้นถึง 75% ของจำนวนประชากรทั้งหมด และโซเชียลมีเดียยังเป็นช่องทางที่ผู้คนใช้เวลามากที่สุดอีกด้วย สิ่งนี้ทำให้อินฟลูเอนเซอร์มีอิทธิพลมากขึ้นในโลกออนไลน์นั่นเอง
ด้วยเหตุนี้ อินฟลูเอนเซอร์จึงได้รับความนิยมและมีตัวเลือกที่หลากหลาย เช่น ด้านความสวยความงาม การท่องเที่ยว และอื่นๆ อีกมากมาย ส่งผลให้แบรนด์หันมาลงทุนกับ Influencer Marketing กันมากขึ้น หากคุณยังลังเลว่าจะลงทุนในตลาดอินฟลูเอนเซอร์ดีหรือไม่ มาดูข้อมูลเชิงลึกเหล่านี้กันดีกว่า
ข้อมูลจาก Shane Baker ที่ปรึกษาการตลาดออนไลน์ชื่อดัง ได้เผยว่า ในปัจจุบัน Conversion Rate หรืออัตราการปิดการขายของการทำการตลาดด้วย Influencer Marketing นั้นมีตัวเลขอยู่ที่ 2.55% ในขณะที่ข้อมูลของ Adweek แสดงให้เห็นว่าการทำการตลาดผ่านโซเชียลมีเดียอื่นๆ มีตัวเลขการปิดการขายนี้ไม่ถึง 1% ด้วยซ้ำ
จากข้อมูลนี้ ทำให้เราเห็นได้อย่างชัดเจนว่า การตลาดแบบ Influencer Marketing คือกลยุทธ์ที่เหมาะกับการโปรโมตแบรนด์เป็นอย่างมาก
6 เทคนิคในการเลือกอินฟลูเอนเซอร์ให้เหมาะสมกับการทำการตลาดแบบ Influencer Marketing
อย่างที่รู้กันว่า Influencer Marketing คือการตลาดที่แทบทุกแบรนด์เลือกใช้ แต่มีเทคนิคยังไงในการเลือกใช้อินฟลูเอนเซอร์ให้ยอดขายทะลุเป้า วันนี้ HelloAds เลยจะมาแนะนำ 6 เทคนิคง่ายๆ ในการทำการตลาดแบบ Influencer Marketing ที่ทุกแบรนด์สามารถเริ่มต้นได้อย่างง่ายๆ ดังนี้
1. วางแผนเป้าหมายก่อนเริ่มทำ Influencer Marketing
ถ้าแบรนด์คุณอยากเลือกใช้อินฟลูเอนเซอร์เพียงแค่เห็นว่าเป็นเทรนด์ที่กำลังมาแรงหรือแบรนด์อื่นทำกันทั้งเยอะเลยอยากทำตาม สิ่งก็จะทำให้การโปรโมตแบรนด์พังตั้งแต่เริ่ม เพราะทุกกลยุทธ์การตลาดจะต้องตั้งเป้าหมายก่อนลงมือทำ ดังนั้นคุณต้องตั้งเป้าหมายก่อนทำกลยุทธ์การตลาดแบบ Influencer Marketing ทุกครั้ง ด้วยเป้าหมายที่แตกต่างกันนี้ จะทำให้มีวิธีการเลือกอินฟลูเอนเซอร์ที่ไม่เหมือนกัน และมีวิธีการวัดผลลัพธ์ที่แตกต่างกันนั่นเอง
2. รู้จักกลุ่มเป้าหมาย เพื่อโปรโมตสินค้าของแบรนด์ได้อย่างตรงจุด
เมื่อแบรนด์สามารถกำหนดกลุ่มเป้าหมายได้แล้ว ก็จะช่วยให้ศึกษาข้อมูลเชิงลึกของกลุ่มเป้าหมายได้ง่ายขึ้น สิ่งนี้จะช่วยให้เรารู้ข้อมูลของกลุ่มเป้าหมายว่ามีพฤติกรรมแบบไหน ชอบอะไร และไม่ชอบอะไร จากนั้นกระบวนการเหล่านี้จะช่วยตัดสินใจเลือกอินฟลูเอนเซอร์ให้เหมาะกับกลุ่มเป้าหมายได้ง่ายขึ้น
3. เข้าใจว่าอินฟลูเอนเซอร์คนไหนเหมาะกับกลุ่มเป้าหมายของแบรนด์
การสร้างลิสต์อินฟลูเอนเซอร์ออกมาก่อน เพื่อคัดเลือกว่าอินฟลูเอนเซอร์คนไหนที่กลุ่มเป้าหมายคุณให้ความสนใจ และติดตาม ก็จะช่วยให้แบรนด์ตัดสินใจเลือกอินฟลูเอนเซอร์ที่เหมาะสมมากที่สุด
4. เลือกอินฟลูเอนเซอร์ที่ใช่กับกลุ่มเป้าหมายและแบรนด์ของคุณ
แบรนด์จะต้องคัดเลือกอินฟลูเอนเซอร์ให้เหมาะสมกับเป้าหมายที่ตั้งไว้ กลุ่มเป้าหมาย และงบประมาณที่มี โดยคำนึงถึงความเกี่ยวข้องระหว่างอินฟลูเอนเซอร์กับแบรนด์และกลุ่มเป้าหมาย ยอดผู้ติดตามของอินฟลูเอนเซอร์ ความสามารถในการเข้าถึงของอินฟลูเอนเซอร์ และอิทธิพลของอินฟลูเอนเซอร์ที่สามารถโน้มน้าวให้กลุ่มเป้าหมายทำตามได้มากแค่ไหน ซึ่งสามารถแบ่งเป็น 4 กลุ่มหลักๆ ได้ดังนี้
- กลุ่มที่สร้างการเข้าถึงได้เยอะมาก แต่มีพลังในการโน้มน้าวค่อนข้างต่ำ เช่น สื่อมวลชน หรือสำนักข่าว เป็นต้น
- กลุ่มที่สร้างการเข้าถึงได้มาก และมีพลังในการโน้มน้าวพอสมควร เช่น ดารา นักร้อง นักแสดง หรือไอดอล เป็นต้น
- กลุ่มที่สร้างการเข้าถึงได้ปานกลาง แต่มีพลังในการโน้มน้าวสูง เช่น Blogger, Youtuber หรือนักวิเคราะห์ต่างๆ เป็นต้น
- กลุ่มที่สร้างการเข้าถึงได้น้อยมาก แต่มีพลังในการโน้มน้าวสูงมาก เช่น เพื่อน ครอบครัว หรือผู้ที่เคยใช้สินค้าจริงๆ เป็นต้น
5. ติดต่ออินฟลูเอนเซอร์ให้โปรโมตสินค้าตามที่แบรนด์ต้องการ
เมื่อศึกษาและตรวจเช็กคอนเทนต์ก่อนหน้าของอินฟลูเอนเซอร์ที่แบรนด์ต้องการเรียบร้อยแล้ว ก็ติดต่ออินฟลูเอนเซอร์ เพื่อบรีฟงานที่เราต้องการให้ช่วยโปรโมตสินค้าและบริการได้เลย แต่ต้องไม่ลืมว่าเอกลักษณ์ของคอนเทนต์ที่อินฟลูเอนเซอร์ทำอยู่เป็นประจำ เพื่อให้นำเสนอคอนเทนต์ที่เหมาะสมที่สุดนั่นเอง
6. ติดตามผลลัพธ์หลังทำแคมเปญโฆษณา
การจะรู้ได้ว่าแคมเปญโฆษณานั้น ประสบความสำเร็จตามเป้าหมายที่ต้องการหรือไม่ จะต้องมีการติดตามผลลัพธ์ทุกครั้ง สิ่งนี้จะช่วยวัดผลลัพธ์ความสำเร็จของแคมเปญโฆษณา และเรียนรู้จากจุดที่ไม่สมบูรณ์ต่างๆ เพื่อนำมาปรับปรุงในการเลือกใช้อินฟลูเอนเซอร์ในครั้งต่อๆ ไปได้อีกด้วย
เพียงเท่านี้ แบรนด์ก็สามารถเลือกใช้อินฟลูเอนเซอร์ได้อย่างเหมาะสมเป็นที่เรียบร้อย ถึงแม้ว่าจริงๆ แล้วจะมีรายละเอียดขั้นตอนในการเลือกอินฟลูเอนเซอร์อีกมาก แต่นี่คือขั้นตอนที่ทุกแบรนด์สามารถคัดเลือกอินฟลูเอนเซอร์เบื้องต้นได้
แต่ถ้าต้องการให้ HelloAds ช่วยทำกลยุทธ์การตลาดแบบ Influencer Marketing สามารถติดต่อ HelloAds มาได้เลย